Last updated: 19 ก.ย. 2561 | 4139 จำนวนผู้เข้าชม |
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic wave) นั้น เป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิท ที่อยู่ชิดใกล้เราแทบไม่เคยห่าง
ลองสังเกตดูก็ได้ว่า ในชีวิตประจำวันเราต้องสัมผัสและคลุกคลีกับมันมากน้อยแค่ไหน ดูทีวี ฟังเครื่องเสียง อุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ ทำงานหน้าคอมพ์ โน๊ตบุ๊ค เปิด-ปิด สัญญาณไวไฟ หรือการใช้โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ ล้วนส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาปะทะกับเราโดยตรงทั้งสิ้น
เพียงแต่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ว่า มันแผ่กระจายรังสีมาในปริมาณไม่มากนัก ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย
ทว่า หลายปีมานี้เริ่มมีการศึกษาในเรื่องนี้อย่างจริงจังกันมากขึ้นๆ และมีงานวิจัยหลายชิ้น ระบุไปในทิศทางใกล้เคียงกันว่า คนในสังคมยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับ โรคแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Hypersensitivity) หรือ EHS ซึ่งเป็นภัยคุกคามใกล้ตัวมากกว่าที่คิดเสียแล้ว
ดังจะเห็นได้จากรายงานของ EMR Shielding Solutions เผยว่า โรคแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Hypersensitivity) หรือ EHS นั้น เป็นที่รู้จักในชื่ออื่นๆที่คล้ายคลึงกัน เช่น ภูมิแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electro hypersensitivity) โรคไวต่อคลื่นไฟฟ้า (Electro-Sensitivity) และโรคไวต่อสัญญาณไฟฟ้า (Electrical Sensitivity หรือ ES)
ทั้งยัง มีการยืนยันอันตรายของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ สะท้อนจากรายงานของผู้ป่วยโรคนี้จำนวนมาก กล่าวถึงปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแบบอิเล็กตรอนไม่แตกตัว หรือรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า แม้รังสีที่เข้าสู่ร่างกายจะน้อยกว่าปริมาณที่ถูกกำหนดว่าปลอดภัยตามมาตรฐานสากลก็ตาม
อาการที่พบนั้น จะเบาหนักแตกต่างกันไป ทั้งปวดหัว วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เครียด อารมณ์หงุดหงิด เกิดความผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผดผื่น คันยิบๆ รู้สึกแสบร้อน เจ็บปวดกล้ามเนื้อ ไปจนถึงนอนหลับไม่สนิท ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว
ชุดที่นอนถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ ได้รับความนิยมอย่างมากในจีนและญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ EHS นี้ มีอาการเรื้อรังและพบความบกพร่องทางร่างกายขั้นรุนแรง ซึ่งวิธีรักษาและบำบัด จึงควรเน้นไปที่การบรรเทา ฟื้นฟูความผิดปกติเหล่านี้ และจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและบ่งชี้ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง อันส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้ป่วย พร้อมควบคุมปัจจัยเหล่านั้น
รายงานชิ้นนี้เน้นย้ำในตอนท้ายว่า หากรู้สึกว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMFs) ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต จะต้องหาวิธีปกป้องตัวเองให้ห่างไกล แม้ว่าการหลีกเลี่ยงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำได้ยากในสังคมยุคใหม่ แต่ก็ยังมีหลายวิธีป้องกันให้กับร่างกาย บ้าน หรือสถานที่ทำงานให้ปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
บริษัท ชาร์โคล โฮม จำกัด ตระหนักถึงมหันตภัยร้าย โรคใหม่ใกล้ตัวข้างต้น ที่เริ่มเข้ามาบั่นทอนคุณภาพชีวิตของทุกคนมากขึ้นตามลำดับ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “ที่นอนถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ”
โดยผลิตภัณฑ์จะมีส่วนประกอบของ ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพบันตัน ผสมผสานอยู่ในที่นอน ซึ่งกระบวนการผลิตถ่านของเรา จะเผาด้วยความร้อนที่มากกว่า 1000 องศาเซลเซียส ทำให้ได้ถ่านไม้ไผ่ที่มีประสิทธิภาพสูง และเมื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอน ก็ยังคง คุณสมบัติสำคัญ ช่วยฟอกอากาศ ดูดกลิ่นอับ ลดความชื้น โดยเฉพาะ ค่าต้านทานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Resistance) ต่ำ ไม่เกิน 100 โอห์ม
นอกจากนี้ ยังจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จิตใจสงบเย็น นอนหลับได้ง่าย ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ส่งผลบวกต่อสุขภาพกายและใจ
นัยว่า ที่นอนถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพบันตัน เป็นพื้นที่ปลอดภัย เสมือนหนึ่งเกราะกำบัง ปัดป้อง โรคแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ EHS ไม่ให้มารุกล้ำ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาพักผ่อนนอนหลับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของทุกคน
อ้างอิง : https://www.emrss.com/pages/ehs-electromagnetic-hypersensitivity
14 มี.ค. 2564
7 มิ.ย. 2562